วิตามิน C
เลือกอ่านตามหัวข้อ
Add a header to begin generating the table of contents
วิตามิน C ถูกได้รับความสนใจอย่างมากด้วยเหตุผลในการปกป้องสุขภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบหัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง สุขภาพตา และภูมิคุ้มกัน
วิตามิน C หรือกรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid) เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ควรรับประทานทุกวันผ่านอาหารหรืออาหารเสริมเนื่องจากร่างกายของเราไม่สามารถกักเก็บได้
วิตามิน C มีบทบาทสำคัญในการจัดการเชื้อโรคและรักษาแผล อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายได้ ทั้งนี้วิตามิน Cยังจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนเส้นใยในเนื้อเยื่อตามระบบต่างๆ ของร่างกายเช่นระบบประสาท ภูมิคุ้มกัน กระดูก กระดูกอ่อน เลือด และอื่นๆ และยังช่วยสร้างฮอร์โมนและสารเคมีหลายชนิดที่ใช้ในสมองและเส้นประสาท
ปริมาณสารอาหารที่แนะนำ
ปริมาณสารอาหารตามคำแนะนำของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสารอาหารแมคโคร หรือไมโคร จะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะของประชากร จุดประสงค์ เทคโนโลยี และงานวิจัยที่เลือดใช้ โดยจะมีการอัพเดทในทุกๆ 5 ปีตามการค้นพบทางการแพทย์ใหม่ๆ (ปัจจุบันเป็นรอบ 2020-2023) โดยชื่อเรียกตามมาตรฐานจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น Recommeded Dietary Allowances (RDA), Dietary Standard, Safe Inteake of Nutrients, Recommended Nutrient Intakes หรือ Recommended Dietary Intakes โดยคุณสามารถดู RDA ของแต่ละสารอาหารได้ตามนี้ [RDA เปรียบเทียบตามแต่ละช่วงอายุ]
วิตามิน C มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
การวิจัยพบว่าวิตามิน C สามารถต่อต้านโมเลกุลของอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ได้หากมีปริมาณมากเกินไป วิตามิน C ยังมีประโยชน์ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งส่งผลให้สามารถป้องกันโรคบางอย่างได้
โรคเรื้อรัง
แม้ว่าจะมีการศึกษามากมายพบว่าการบริโภควิตามิน C มากขึ้นทั้งจากอาหารหรืออาหารเสริมมีผลป้องกันโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและมะเร็งบางชนิด แต่ก็มีการศึกษาที่ไม่พบประโยชน์ในการป้องกันโรคเหล่านี้จากการทานวิตามิน C เสริมเช่นกัน อย่างไรก็ตามคนที่กินผักและผลไม้มากขึ้นไม่เพียงแต่จะมีระดับวิตามิน C ในเลือดสูงขึ้น แต่ยังได้รับสารอาหารอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย เช่น ไฟเบอร์ วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ
อายุของผิวหนัง
วิตามิน C มีผลต่อเซลล์ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย และมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่จะเป็นประโยชน์เมื่อเริ่มอายุมากขึ้น การศึกษาของ American Journal of Clinical Nutrition พบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภควิตามิน C และความชราของผิวผู้หญิงจาก 4,025 คนอายุ 40-74 ปี ซึ่งผู้ที่บริโภควิตามิน C สูงจะมีรอยเหี่ยวย่น ความแห้งของผิว และผิวที่ดูแก่ก่อนวัยน้อยลง นอกจากนี้ ในบางการศึกษาพบว่าการใช้วิตามิน C ทาที่ผิวหนังสามารถลดริ้วรอยได้เช่นกัน
โรคการมองเห็นที่เกี่ยวข้องกับอายุ
วิตามิน C ได้รับการตั้งทฤษฎีว่าสามารถป้องกันโรคตา อย่างเช่น ต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้ อย่างไรก็ตามผลการศึกษาประโยชน์ของการใช้วิตามิน C เสริมนั้นยังไม่แสดงผลลัพธ์ที่แน่ชัดแต่ผลลัพธ์ของการรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณมากทุกวันสามารถลดความเสี่ยงของต้อกระจกนั้นมีหลักฐานที่สนับสนุนอย่างชัดเจน
โรคไข้หวัด
แม้ว่าวิตามิน C จะเป็นที่นิยมในการต่อสู้กับอาการไข้หวัด แต่มีผลการศึกษามากมายที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณวิตามิน C เสริมแบบเมกะโดส (มากกว่า 500 มก. ต่อวัน) ไม่ได้มีผลต่อโรคไข้หวัด แต่อาจให้ประโยชน์ในการลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรคหวัดในคนบางกลุ่ม การบริโภควิตามิน C ทั่วไปในช่วงที่เริ่มเป็นหวัดอาจช่วยบรรเทาอาการได้ แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นไข้หวัด ไม่มีหลักฐานว่าเมกะโดสสร้างความแตกต่างหรือป้องกันหวัดได้
ความเครียด
การขาดวิตามิน C ส่งผลให้เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดมากมาย เนื่องจากเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ไวต่อความเครียด ดังนั้นการรักษาระดับวิตามิน C จึงเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีของสุขภาพโดยรวม
วิตามิน C สามารถพบในอาหารชนิดไหนบ้าง?
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C ได้แก่ ผลตระกูลส้ม (Citrus) พริกเขียว สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ บรอกโคลี มันฝรั่งขาว มันเทศ และแหล่งอาหารที่ดีอื่นๆ ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม แคนตาลูป มะละกอ มะม่วง แตงโม กะหล่ำดาว กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี พริกแดง ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และสับปะรด
ปริมาณวิตามิน C ในอาหารอาจลดลงเมื่อเก็บเป็นเวลานาน รวมถึงเมื่อถูกนำไปปรุงสุก การนึ่ง การลวกหรืออุ่นในไมโครเวฟ ดังนั้นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของวิตามิน C จึงเป็นผักและผลไม้ที่ทานสดๆ
สัญญาณเตือนของการขาดวิตามิน C
การขาดวิตามิน C นั้นพบได้น้อยในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการจำกัดอาหารที่ให้วิตามิน C น้อยกว่า 10 มก. ต่อวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น เช่นการรับประทานผักและผลไม้ในปริมาณน้อย การสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นเวลานาน การใช้ยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีระดับวิตามิน C ในเลือดต่ำกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากวิตามินจะหมดไปในอัตราที่เร็วกว่าปกติ
ในผู้ใหญ่ อาการของการขาดวิตามิน Cจะเกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายขาดวิตามิน C ติดต่อกันหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน โดยจะมีอาการต่างๆ เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย น้ำหนักลด ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อทั้งนี้หากมีการขาดวิตามิน C อย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟันได้
การขาดวิตามิน C ยังสามารถแสดงอาการอื่นๆ ได้อีก เช่น
- รอยด่างบนผิวหนังที่เกิดจากเลือดออกและรอยช้ำจากเส้นเลือดแตก
- เหงือกบวมหรือมีเลือดออก และอาจสูญเสียฟันได้
- ผมร่วง
- การรักษาบาดแผลที่ผิวหนังที่ช้ากว่าปกติ
- วิงเวียนศีรษะ
- ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
วิตามิน C ทำปฏิกิริยากับยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่น ๆ หรือไม่?
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน C อาจมีผลกระทบต่อการรักษาโรคหรือรรบกวนยาที่คุณรับประทานอยู่ได้ ดังนี้
- การรักษามะเร็ง เช่น เคมีบำบัดและการฉายรังสี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าวิตามิน C อาจมีผลในทางลบต่อการปกป้องเซลล์เนื้องอกจากการรักษามะเร็ง หรืออาจช่วยป้องกันเนื้อเยื่อปกติจากการถูกทำลาย หากคุณเป็นผุ้ป่วยโรคมะเร็ง ควรปรึกษากับแพทย์ของคุณก่อนรับประทานวิตามิน C เสริมหรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในปริมาณที่สูง
- ในการศึกษาหนึ่ง วิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น วิตามิน E ซีลีเนียม (selenium)และเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) ลดผลการทำงานของยา 2 ชนิดที่ใช้ร่วมกัน สแตตินและไนอะซิน (statin and niacin) ที่ใช้เพื่อควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ดังนั้นหากเราจะรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามิน C ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อน
ความเป็นพิษ
ลำไส้มีความสามารถในการดูดซึมวิตามิน C ที่จำกัด จากการศึกษาพบว่าการดูดซึมวิตามิน C จะลดลงเหลือน้อยกว่า 50% เมื่อรับประทานในปริมาณที่มากกว่า 1,000 มก. ในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีการได้รับวิตามิน C ในปริมาณมากจะไม่ทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย เพราะเนื้อเยื่อของร่างกายอิ่มตัวด้วยวิตามิน C อยู่แล้ว จึงทำให้การดูดซึมลดลง และปริมาณวิตามินส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ อย่างไรก็ตามหากรับประทานมากกว่า 3,000 มก. ต่อวัน ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้เช่นอาการท้องเสีย
รู้หรือไม่?
วิตามิน C ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ในรูปแบบฮีม ซึ่งเป็นธาตุเหล็กชนิดหนึ่งที่พบในอาหารจากพืชผักใบเขียว การดื่มน้ำผลไม้ 100% แก้วเล็กๆ หรือการทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน C ร่วมกับมื้ออาหารสามารถช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้
วิตามิน C สามารถถูกทำลายได้ด้วยความร้อนและแสง การปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงหรือเป็นเวลานานอาจทำให้วิตามินสลายไปได้ เนื่องจากวิตามิน C สามารถละลายน้ำได้จึงสามารถอยู่ในของเหลวต่างๆ ที่ใช้ในการปรุงอาหารและจะสูญเสียไปหากเราไม่ได้รับประทานของเหลวนั้น ดังนั้นวิธีการประกอบอาหารที่ใช้น้ำให้น้อยที่สุดเช่น การผัดหรือการลวกสามารถช่วยรักษาระดับวิตามิน C ในอาหารได้ ทั้งนี้แนะนำว่าควรรับประทานผลไม้สุกเพราะเราจะได้รับวิตามิน C มากที่สุด
- Carpenter KJ. The history of scurvy and vitamin C. Cambridge: Cambridge University Press, 1986.
- Institute of Medicine (US) Panel on Dietary Antioxidants and Related Compounds. Dietary Reference Intakes for Vitamin C, Vitamin E, Selenium, and Carotenoids. Washington (DC): National Academies Press (US); 2000.
- Poljšak B, Ionescu JG. Pro-oxidant vs. antioxidant effects of vitamin C. Handbook of Vitamin C Research: Daily Requirements, Dietary Sources and Adverse Effects (pp.153-183). January 2009. Nova Science Publishers, Inc.
- Huang G, Wu L, Qiu L, Lai J, Huang Z, Liao L. Association between vegetables consumption and the risk of age-related cataract: a meta-analysis. Int J Clin Exp Med. 2015 Oct 15;8(10):18455-61.
- Douglas RM, Hemila H, Chalker E, Treacy B. Vitamin C for preventing and treating the common cold. Cochrane Database Syst Rev. 2007:CD000980.
- Mark A. Moyad, MD, MPH, senior research associate and Phil F. Jenkins Director, Complementary and Alternative Medicine, University of Michigan Urology Center.
- Phyo K. Myint, MRCP, department of public health, University of Cambridge, England.
- Myint, P.K., American Journal of Clinical Nutrition, January 2008; vol 87: pp 64-69. American Journal of Public Health, May 2004; vol 94: pp 870-875.
- Bettina Moritz, Ariana E.Schmitz, Ana Lúcia S.Rodrigues, Alcir L.Dafre, Mauricio P.Cunha, “The role of vitamin C in stress-related disorders,” The Journal of Nutritional Biochemistry, Volume 85, November 2020, 108459
- American Heart Association: Fruits and Vegetables Serving Sizes Infographic
- Harvard, The Nutrition Source, School of Public Health, March 202z