ร่างกายเด็กต้องการสารอาหารเท่าไหร่ → H-KIZ สามารถตอบโจทย์ได้อย่างไร?

ต้องการสารอาหาร

ความสำคัญ

ร่างกายมนุษย์โดยเฉลี่ยแล้วสามารถเติบโตได้ถึงอายุ 20 ปี ช่วงวัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญที่สุดในการเติบโต เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองโตเร็วที่สุด และคุณภาพของการเจริญเติบโตในวัยเด็กนี้จะส่งผลไปถึงวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น การให้สารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของเด็กเป็นหนึ่งในรากฐานที่ดีที่สุดที่ผู้ดูแลเด็กจะสามารถมอบให้กับเด็กได้

เด็กต้องการสารอาหารเท่าไร ?

สารอาหารที่ร่างกายเด็กต้องการมีหลายชนิด ควรกินให้ครบ 5 หมู่ ถ้าอ้างอิงให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นตามหลักของมหาวิทยาลัย Havard USA ให้ทานผักและผลไม้หลากสี 50% โปรตีน 25% ธัญญาหาร 25% (เช่น ข้าวไม่ขัดสี) เพื่อที่จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง ร่างกายได้สารอาหารครบ

แต่ความเป็นจริงในปัจจุบัน ลูกน้อยชอบทาน fast food, ของหวาน, ไอศกรีม, โดนัท ลองมองรอบตัวเรามีเด็กที่รู้จักทั้งหมดกี่คนที่ทานอาหารได้ครบตามที่ร่างกายต้องการเพื่อให้เติบโตอย่างแข็งแรง

เด็กไทยขาดสารอาหาร

“เด็กไทยอายุระหว่าง 6 เดือน ถึง 5 ปี ประสบปัญหาภาวะโภชนาการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด และเกินในสารอาหารบางชนิด” โดย รศ.พญ.สุภาพรรณ ตันตราชีวธร นายกสมาคมโภชนาการเด็กแห่งประเทศไทย  และรองคณบดี คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล  มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช

ภาวะความหิวซ่อนเร้น (การขาดสารอาหารรอง) 

สารอาหารรอง (micronutrients) เป็นอีกปัญหาที่สำคัญที่เราพบว่า สารอาหารรองที่เด็กไทยได้รับจากการรับประทานอาหารนั้นไม่เพียงพอ (problem nutrients) 5 อันดับแรก ได้แก่ วิตามินดีไม่เพียงพอ ร้อยละ 94 ตามด้วยแคลเซียม, สังกะสี(Zinc), วิตามินซี, และวิตามินเอ ร้อยละ 76, 72, 67 และ 54 ตามลำดับ

กัมมี่เข้มข้น H-KIZ มีวิตามินหลายชนิด รวมถึงวิตามินดี วิตามินซี และวิตามินเอ ช่วยเสริมสารอาหารประเภทวิตามินให้เด็กได้อย่างครบถ้วน*

กินอย่างไร…ให้ลูกตัวสูง?

อาหารมีส่วนสำคัญมากในการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก สารอาหารที่เสริมสร้างกระดูกจึงมีความสำคัญ ได้แก่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโปรตีนในเนื้อกระดูก เด็กจึงควรได้รับสารอาหารเหล่านี้อย่างเพียงพอต่อความต้องการตามอายุ

1.แคลเซียม (Calcium)

มีความสำคัญมากต่อการขยายตัวของกระดูก โดยเฉพาะในวัยเด็กที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมที่รับประทานเข้าไปได้เพียงแค่ร้อยละ 30 เท่านั้น จึงควรจัดหาอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมให้เพียงพอกับความต้องการของลูกในแต่ละวัน 

อาหารที่มีแคลเซียมสูงและร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุดก็คือ นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมสูง ได้แก่ กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็กที่กินทั้งก้าง เต้าหู้ ผักที่มีแคลเซียมสูง เช่น ตำลึง ผักกระเฉด ขี้เหล็ก ดอกแค สะเดา

2.วิตามินดี (Vitamin D)

ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหาร ยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการสลายกระดูก หากลูกขาดวิตามินดีจะส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในทางเดินอาหารลดลง มวลกระดูกลดลง หากขาดวิตามินดีรุนแรงอาจทำให้เป็นโรคกระดูกอ่อน (Rickets) ซึ่งจะทำให้ตัวเตี้ยและขาโก่งได้

การป้องกันการขาดวิตามินดี 

  • ทำกิจกรรมที่ได้รับแสงแดด เช่น เดินเล่นยามเช้า แสงแดดจะช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลในร่างกายไปเป็นวิตามินดี
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล น้ำมันตับปลา ไข่แดง นม
กัมมี่เข้มข้น H-KIZ มีวิตามินหลายชนิด รวมถึงวิตามินดี การทานเป็นประจำทุกวันจะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของลูกน้อยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนในกรณีที่มีภาวะขาดวิตามินดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้ชนิดและปริมาณของวิตามินดีตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย และทำการตรวจติดตามระดับวิตามินดีในเลือดอย่างสม่ำเสมอ

3.โปรตีน (Protein)

การกินอาหารที่มีโปรตีนและพลังงานเพียงพอมีความสำคัญต่อการขยายตัวของกระดูก เด็กที่เป็นโรคขาดโปรตีน (protein energy malnutrition) จะมีความสูงและน้ำหนักน้อยกว่าปกติ กระดูกบางกว่าปกติ 

4.สังกะสี (Zinc)

มีผลต่อการสร้างและการเจริญเติบโตของกระดูก เด็กที่ขาดแร่ธาตุสังกะสีอาจทำให้การเจริญเติบโตลดลง เบื่ออาหาร อาจมีผมร่วง หรือผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

แร่ธาตุสังกะสีพบมากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง ไข่แดง ตับ เนย หอยนางรม

จะทราบได้อย่างไรว่าเด็กมีการเจริญเติบโตตามปกติ ?

คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นผู้ติดตามการเจริญเติบโตของลูกโดยการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง แล้วนํามาเทียบกับข้อมูลน้ำหนักและส่วนสูงต่ออายุที่เหมาะสมของเด็ก

อาหารที่เด็กควรได้รับประทานใน 1 วัน

เด็กวัยนี้มีการเคลื่อนไหวและใช้พลังงานอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดอยู่เฉย เว้นแต่ว่าจะไม่สบาย ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการสารอาหารต่างๆ ครบทั้ง 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอ

อาหารหมู่ต่างๆ ที่เด็กควรได้รับประทานใน 1 วันมีดังนี้

  1. ควรจัดอาหารหลักให้เด็กบริโภคให้ครบทั้ง 3 มือ ไม่ควรเว้นมื้อใดมื้อหนึงโดยเฉพาะมื้อเช้า 
  2. ควรจัดอาหารให้ครบถ้วนและได้สัดส่วนเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเด็ก 
  3. ควรให้เด็กรับประทานอาหารตรงเวลา ไม่ควรให้เด็กรับประทานขนมจุกจิก 
  4. ควรจัดอาหารว่างให้เด็กบริโภคตอนสายและตอนบ่าย 
  5. ในแต่ละมื้อไม่ควรจัดให้มีอาหารจําพวกแป้งและน้ำตาลอย่างเดียวเท่านั้น ควรพยายามจัดอาหารให้ครบหมู่ 
*เด็กหลายคนไม่ชอบทานผัก และพ่อแม่ไม่สามารถบังคับให้ลูกทานได้ เราจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ H-KIZ กัมมี่วิตามินรวมเข้มข้น สำหรับช่วยเด็กที่ทานผักยากให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด*

หากสนใจเรื่องการจัดเตรียมมื้ออาหารเพื่อสุขภาพที่ดีสำหรับเด็ก​ สามารถอ่านข้อมูล​เพิ่มเติม​ได้ที่บทความ “มื้ออาหารง่ายๆในครอบครัว ตามหลักโภชนาการเด็ก”​

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

อาหารที่ไม่เหมาะสมสําหรับเด็ก ได้แก่ อาหารหมักดอง เนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก อาหารรสจัด นํ้าอัดลม ชา กาแฟ ขนมหวาน ท๊อฟฟี่ ขนมกรุบกรอบ อาหารจำพวกนี้จะทําให้เด็กอิ่มและไม่ยอมบริโภคอาหารมื้อหลัก ส่งผลให้เด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

ไม่ใช่แค่มี แต่ต้องมีให้พอด้วย

ประเทศต่างๆจัดทำมาตรฐานสารอาหารแต่ละประเภทขึ้นมาเรียกว่า RDI ซึ่งในมาตรฐานนี้จะมีค่า RDA ซึ่ง H-KIZ เลือกใช้มาตรฐานที่ละเอียดที่สุดประเทศหนึ่งในโลกคือ ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุเด็กแต่ละช่วงวัยต้องการสารอาหารแต่ละประเภทในปริมาณเท่าไร

เรานำสารอาหารที่สำคัญทั้งหมด 18 ประเภท ในปริมาณเข้มข้นเฉลี่ยถึง 72% เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผสมด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยเสริมสำหรับเด็กที่ไม่ชอบทานผัก อัดเข้ามาใน กัมมี่เข้มข้น ของ H-KIZ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *