โยเกิร์ตถือเป็นอาหารที่มีอยู่ทั่วโลกรวมถึงยังบริโภคมานานหลายศตวรรษ ความนิยมไม่ได้เพียงเพราะเนื้อครีมหรือรสเปรี้ยวกลมกล่อมเท่านั้น แต่โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกยังอัดแน่นด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินอาหาร
โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติก จากการผลิตชั้นยอด
โยเกิร์ตแทบทั้งหมดจะใช้วิธีผลิตโดยอาศัยการหมักด้วยแบคทีเรียจากนม ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้ถูกขนานนามว่า “วัฒนธรรมโยเกิร์ต” โดยเฉพาะสายพันธุ์หลัก เช่น Lactobacillus bulgaricus และ Streptococcus thermophilus
โปรไบโอติกและสุขภาพทางเดินอาหาร
คำว่า “โปรไบโอติก” แปลว่า “เพื่อชีวิต” แบคทีเรียดีเหล่านี้เมื่อบริโภคในปริมาณที่เพียงพอจะสามารถทำให้ประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้ในหลายมิติ ประกอบด้วย
1. สร้างความสมดุลของลำไส้
โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกจะช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียที่ดีและไม่ดีในลำไส้ได้ ความสมดุลนี้สำคัญต่อกระบวนการย่อยอาหาร และยังช่วยรักษาความสมบูรณ์ของผนังลำไส้
2. ลดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
การบริโภคโยเกิร์ตที่อุดมด้วยโปรไบโอติกเป็นประจำมีส่วนช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการย่อยอาหาร เช่น อาการลำไส้แปรปรวน ท้องเสีย และท้องผูกได้ดี
ระดับความเข้มข้นและปริมาณของโปรไบโอติก
แม้ว่าโยเกิร์ตจะมีแบคทีเรียดีอยู่เยอะแต่ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายประการ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
1. สูตรของแต่ละผลิตภัณฑ์
โยเกิร์ตแต่ละยี่ห้อย่อมมีแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการผลิต สภาพการเก็บรักษา และอายุของผลิตภัณฑ์ มองหาโยเกิร์ตที่มีป้ายกำกับว่า “แบคทีเรียดีที่มีชีวิต” เอาไว้ก่อนดีกว่า
2. อัตราการมีชีวิตของแบคทีเรียดี
การเดินทางผ่านสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดในกระเพาะอาหารถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับโปรไบโอติก อย่างไรก็ตาม การเลือกสายพันธุ์ของโปรไบโอติกที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แบคทีเรียดีเหล่านี้มีชีวิตรอดไปจนถึงผนังลำไส้
ข้อควรระวังเรื่องการโฆษณาเกินจริงของโยเกิร์ต
1. การพาสเจอร์ไรซ์
โยเกิร์ตบางชนิดผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ซึ่งเป็นกระบวนการฆ่าเชื้อแบคทีเรียดี สิ่งสำคัญคือต้องเลือกโยเกิร์ตที่ยังคงโปรไบโอติกเอาไว้ได้หลังการพาสเจอร์ไรซ์
2. การเติมน้ำตาล
แม้ว่าโยเกิร์ตจะมีน้ำตาล (แลคโตส) ตามธรรมชาติ แต่แบรนด์ทางการค้าหลายแห่งกลับเติมน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพบางประการได้
เปรียบเทียบกับอาหารเสริมโปรไบโอติก
อาหารเสริมโปรไบโอติกเป็นอีกแหล่งสำคัญของแบคทีเรียดีด้วยเหตุผลสำคัญที่ช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกสายพันธุ์ที่ตรงกับจุดประสงค์ – มักมีแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะที่มีความเข้มข้นสูงซึ่งปรับให้เหมาะกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพโดยเฉพาะ
2. กลไกการเอาชีวิตรอด – อาหารเสริมโปรไบโอติกสมัยใหม่หลายชนิดมาพร้อมกับการเคลือบหรือระบบการใช้แคปซูลแบบพิเศษเพิ่มโอกาสที่แบคทีเรียจะรอดจากกรดในกระเพาะอาหาร
ประโยชน์ทางโภชนาการด้านอื่น ๆ ของโยเกิร์ต
นอกเหนือจากโปรไบโอติกแล้ว โยเกิร์ตยังมีสารอาหารชั้นยอดต่อร่างกายอีกเยอะมาก เช่น โปรตีน แคลเซียม วิตามิน B2 วิตามิน B12 และแร่ธาตุที่จำเป็น มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพกระดูก การทำงานของกล้ามเนื้อ และสุขภาพโดยรวมทั้งหมด
โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกถือเป็นสิ่งที่ผสมผสานระหว่างรสชาติและสุขภาพเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามแม้ตามข้อมูลโยเกิร์ตจะดีต่อสุขภาพ แต่การบริโภคด้วยความเหมาะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องอ่านฉลากให้ละเอียด สังเกตปริมาณโปรไบโอติกและปริมาณน้ำตาล เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการก็ทานกันอย่างมีความสุขได้เลย