รู้จักโรคหวัด คออักเสบ หอบหืด

หวัด คออักเสบ หอบหืด

โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ที่เด็กๆ เป็นกันบ่อยที่สุด คงหนีไม่พ้นโรคหวัดหรือไข้หวัด ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ คุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด การที่ลูกเป็นหวัดบ่อยไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเด็กสามารถเป็นหวัดได้ปีละหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ มากกว่านั้นสสารในอากาศบางชนิดก็อาจทําให้เกิดอาการแพ้ หรือเป็นโรคหวัด คออักเสบ หอบหืดได้ด้วย ดังนั้นการดูแลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้และใส่ใจเพื่อลดอาการให้ลูก

โรคหวัดและไอ

เด็กก่อนวัยเรียน โดยเฉลี่ยจะป่วยเป็นหวัดประมาณ 6-8 ครั้งในหนึ่งปี โรคหวัดอาจเกิดขึ้นได้บ่อย โดยเฉพาะเด็กที่มีพี่น้อง หรือเด็กอยู่ในสถานรับเลี้ยง หรือเมื่อไปโรงเรียน 

ไวรัส เป็นสาเหตุของโรคหวัดส่วนใหญ่ ไวรัสบางชนิดที่ก่อให้เกิดโรคหวัด เช่น โคโรนาไวรัส ไวรัสไข้หวัดใหญ่ และไวรัสทางเดินหายใจ ยังทำให้เกิดการติดเชื้ออื่นๆ เช่น โรคปอดบวม ไข้หวัดใหญ่ โรคซาร์ โรค Covid-19

แพร่กระจายเมื่อ ไอ จาม หรือพูดคุย พ่นละอองฝอย ที่มีไวรัสในอากาศที่ผู้อื่นหายใจเข้าไป หรือสัมผัสเชื้อจากมือผ่านเข้าสู่ร่างกายทาง ตา จมูก และปาก

ไวรัสบางชนิดสามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวต่างๆ รวมถึงผิวหนังของมนุษย์ได้ ทำให้ มือ เครื่องใช้ ของเล่น และอุปกรณ์การเรียนเป็นพาหนะสำคัญในการแพร่เชื้อโรค การล้างมือและพื้นผิวอื่นๆ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค

จะสังเกตได้อย่างไร เมื่อลูกเป็นหวัด 

  • คัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล โดยปกติแล้วน้ำมูกของเด็กจะใสในช่วงแรก จากนั้นจะกลายเป็นสีเหลืองและข้นเหนียว  อาจเป็นภาพที่พ่อแม่เกือบทุกคนคุ้นเคย หลังจากผ่านไป 2-3 วัน ลูกอาจจามและไอ มีเสียงแหบหรือตาแดง (แม้ว่าทารกมักเริ่มเป็นหวัดเมื่อมีไข้ แต่เด็กโตอาจไม่มีไข้เมื่อเป็นหวัด อาการอื่นๆ อาจรวมถึงเจ็บคอ ปวดศีรษะ และความดันในหู)
  • น้ำมูกสีเขียวแกมเทาหรือเหลือง เป็นสัญญาณที่แน่ชัดของการติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ทั้งจากไวรัสและแบคทีเรีย
  • หากลูกเป็นหวัดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ควรหายภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ บางครั้งอาการน้ำมูกไหล เล็กน้อยหรือไอแห้งๆ อาจคงอยู่นานขึ้นเล็กน้อย แต่ควรจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ยาแก้หวัดและไอ

เมื่อลูกป่วยเป็นหวัดหรือไอ สัญชาตญาณแรกของพ่อแม่อาจจะเป็นการแวะร้านขายยา แต่ควรทราบก่อนตัดสินใจซื้อ

  • ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี การศึกษาพบว่ายาแก้หวัดและแก้ไอไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ และอาจเป็นอันตรายด้วยซ้ำเนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงร้ายแรง  หากลูกมีอาการไข้และปวดศีรษะเล็กน้อย การรักษาก็จะ เป็นไปในลักษณะประคับประคองอาการ
  • ประโยชน์ของยาแก้คัดจมูกและยาแก้แพ้ในเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 12 ปี หากไข้หรือปวดศีรษะทำให้ลูกไม่สบาย อะเซตามิโนเฟน (ไทล์-นอล อื่นๆ) หรือไอบูโพรเฟน (แอดวิล มอทริน อื่นๆ) ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างระมัดระวัง อย่าให้แอสไพริน การใช้ยาแอสไพรินในเด็ก โดยเฉพาะหลังจากป่วยด้วยไวรัส มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการเรย์ นี่เป็นภาวะที่พบไม่บ่อยแต่ร้ายแรงที่ทำให้สมองและตับบวม
  • ยาอม Zinc และวิตามินซี มีประโยชน์สำหรับโรคหวัด ช่วยบรรเทาอาการไอหรือเจ็บคอได้ ร่วมกับการดูแลให้ลูกดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มน้ำเย็น รักษาร่างกายให้อบอุ่น ก็จะทำให้เด็กส่วนใหญ่หายเป็นปกติในไม่กี่วัน

การรักษาโรคหวัด

วิธีที่ดีคือเวลา การพักผ่อน และความรักและความเอาใจใส่เพิ่มเติมเล็กน้อย เพื่อให้ลูกรู้สึกสบายใจมากขึ้น:

  • เช็ดตัวลดไข้ ใช้แผ่นเจลลดไข้ และให้ยาลดไข้
  • ดื่มน้ำอุ่น เด็กควรดื่มน้ำอุ่น ช่วยบรรเทาอาการไข้และไอ น้ำอุณหูภูมิห้อง หรือน้ำผลไม้บ่อยๆ (ไม่ดื่มน้ำเย็น) จะช่วยชดเชยการสูญเสียน้ำทางเหงื่อ ป้องกันร่างกายขาดน้ำ น้ำยังเป็นตัวช่วยให้ ร่างกายเย็นลง แถมยังลดอัตราการเผาผลาญอาหารจึงช่วยลดการสร้างความร้อนในร่างกาย

            เช่น ซุปไก่ หรือชา อาจช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกและบรรเทาอาการทางเดินหายใจอักเสบได้

  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม แม้ว่าการดื่มนมจะทำให้เสมหะในลำคอหนาขึ้น  แต่สามารถบรรเทาอาการเจ็บคอและให้แคลอรี่ที่จำเป็น เมื่อลูกอาจไม่รับประทานอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของปรุงแต่งที่บ้าน เพราะน้ำประปาอาจมีเชื้อโรคที่ไม่พึงประสงค์ได้ หยด 2-3 หยดหรือฉีดสเปรย์ 1-2 ครั้งในรูจมูกแต่ละข้าง  ใช้น้ำเกลือล้างจมูก
  • ปรับอุณหภูมิห้อง ให้มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น พักผ่อนนอนหลับในที่อากาศถ่ายเท
  • จัดท่านอนช่วยลดคัดแน่นจมูก  จัดให้ลูกนอนตะแคง ในเด็กโตแนะนำให้หนุนหมอนสูงขึ้น
  • หยุดการแพร่กระจายของหวัด ด้วยการล้างมือ และงดการใช้ถ้วยและช้อนส้อมร่วมกับเด็กที่ป่วย ทำความสะอาดพื้นผิวบ่อยๆ สอนทุกคนในบ้านให้ไอหรือจามใส่ทิชชู่ หรือเข้าที่ข้อพับแขน

การรักษาภาวะขาดน้ำ

ภาวะขาดน้ำเกิดขึ้นเมื่อลูกใช้หรือสูญเสียของเหลวมากกว่าที่ลูกรับเข้าไป และร่างกายไม่มีน้ำและของเหลวอื่นๆ เพียงพอที่จะทำหน้าที่ตามปกติ หากไม่ได้รับการทดแทนที่สูญเสียไป จะเกิดภาวะขาดน้ำ 

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะขาดน้ำในเด็กคือ อาการไข้สูง ทานนมอาหารได้น้อย หรือท้องร่วงและอาเจียน

อย่างรุนแรง สัญญาณและอาการของภาวะขาดน้ำจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรง

  • ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย ปัสสาวะลดลง (ปัสสาวะน้อยลงมากกว่าสามครั้งใน 24 ชั่วโมง) อัตตราการ เต้นหัวใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  • ภาวะขาดน้ำปานกลาง ปัสสาวะลดลง อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น เวียนศีรษะ ความดันลดลง ความยืดหยุ่นของผิวลดลง ดวงตาลึกโหล ปากแห้ง มือและเท้าเย็น
  • ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ความดันโลหิตต่ำ เป็นจุดด่างดำถึงมือและเท้า กระสับกระส่าย ง่วงลึก หายใจลำบาก ชีพจรเบา

โรคคออักเสบ

โรคคออักเสบ หรือโรคสเตรปโธรทอีกชนิดหนึ่งที่พบได้ เกิดจากแบคทีเรียกลุ่ม A streptococcus พบบ่อยที่สุด ในเด็กอายุ 5 – 15 ปี  อาการเจ็บคอ ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส และหากการติดเชื้อเกิดขึ้นจากไวรัส การดูแลที่บ้านก็มักจะเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น คออักเสบและ ต่อมทอนซิล อักเสบบวมแดง

การรักษาโรคคออักเสบ ด้วยยาปฏิชีวนะ รับประทานยาภายใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ จะลดระยะเวลาและ ความรุนแรงของอาการลง รวมถึงโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายไปยังผู้อื่นด้วย อาการแทรกซ้อนไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ยาปฏิชีวนะสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่การติดเชื้อจะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ หากรับประทานภายใน 10 วัน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไข้รูมาติกได้ การรับประทานยาปฏิชีวนะอยู่ภายใต้คำสั่งกุมารแพทย์และเภสัชกร

แม้หวัดในเด็กจะเกิดขึ้นได้บ่อยคุณพ่อแม่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรต้องพามาโรงพยาบาลทันที

และอย่าลืมหมั่นดูแลสุขภาพเจ้าตัวเล็กให้แข็งแรง และฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของกุมารแพทย์ตามกำหนด

โรคหอบหืด

ทางเดินหายใจของปอด (หลอดลม) จะอักเสบและตีบตันได้ง่าย ทำให้หายใจลำบาก อาการอักเสบบวม เสมหะที่เพิ่มขึ้นทำให้หลอดลมแคบลง และลดการไหลเวียนของอากาศ เมื่อเด็กสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น เช่น การออกกำลังกาย การเปลี่ยนแปลงของอากาศ กล้ามเนื้อรอบหลอดลม จะกระชับหรือหดเกร็ง เรียกกันโดย ทั่วไปว่าโรคหอบหืดกำเริบ ซึ่งการหายใจจะลำบาก และบางครั้งก็รุนแรงมากในเด็กเล็ก 

พบบ่อยในเด็กที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ และเกิดจากสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สารก่อภูมิแพ้พวก ไรฝุ่น ขนสุนัข-แมว บุหรี่ ฯลฯ อาการแสดงอื่นๆ ได้แก่ อาการไอที่แย่ลงในเวลากลางคืน อาการแน่นหน้าอกและหายใจลำบาก หายใจมีเสียงวี๊ด เป็นๆ หายๆ หรือมีอาการไอเรื้อรัง และไอมากในเวลากลางคืน หรือคนที่ไอเรื้อรังหลังจากเป็นไข้หวัด มักถูกกระตุ้นหรือแย่ลงเมื่อเป็นหวัด  หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน หรือการออกกำลังกาย การสัมผัสกับอากาศเย็น ควันบุหรี่ หรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสรดอกไม้หรือเชื้อรา 

แนะนำให้พาลูกพบแพทย์ตามนัด และทำการทดสอบการทำงานของปอดเป็นประจำ เพื่อตรวจสอบว่าการรักษาทำงานได้ดีเพียงใด  มีอาการหอบหืดเล็กน้อย และสามารถควบคุมได้ด้วยยาทานหรือยาพ่น (ยาพ่นเป็นยาที่ดี เพราะเป็นยาที่ใช้เฉพาะที่ ได้ผลดี และปริมาณยาที่ใช้มีขนาดต่ำมาก ทำให้มีอาการข้างเคียงน้อยกว่ายากิน ปัจจุบันการรักษาจึงนิยมใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นหลัก)

หากพ่นยาแล้วไม่ดีขึ้น : ยังคงหายใจลำบากอยู่หลายนาทีหลังจากรับประทานยาบรรเทาอาการอย่างรวดเร็ว

  • หายใจไม่ออก
  • ไม่สามารถพูดเกินสามคำติดต่อกันโดยไม่ไอหรือหายใจลำบาก
  • การไอหรือแน่นหน้าอกซึ่งไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาบรรเทาอาการอย่างรวดเร็ว
  • มีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง
  • รู้สึกวิงเวียนศีรษะหรือเป็นลม ริมฝีปาก หน้าเขียวคล้ำ ให้โทร 1669

ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่ในการดูแลลูก

  1. พ่อแม่ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหืด และยารักษาโรค พร้อมให้ความร่วมมือกับแพทย์ในการรักษา
  2. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้หอบ โดยเฉพาะพวกสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น และขนสัตว์ ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ
  3. สิ่งสำคัญ ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ที่จะทำให้อาการของโรคหืดกำเริบ รวมทั้งเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *